สีกันเชื้อรา คืออะไร?
สีกันเชื้อรา (Anti-Fungus Paint) คือสีทาอาคารที่ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติป้องกันการเกิดเชื้อราและแบคทีเรียโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับบ้านหรืออาคารที่มีปัญหาความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือผนังที่มักเกิดราดำซ้ำซาก
ปัญหาเชื้อรา – ศัตรูสำคัญของที่อยู่อาศัย
ก่อให้เกิดกลิ่นอับและปัญหาสุขภาพ
ทำลายพื้นผิวและโครงสร้างอาคาร
ทำให้บ้านดูเก่า เสียมูลค่า
เพื่อป้องกันปัญหานี้ การเลือกใช้สีกันเชื้อราที่เหมาะสมจึงเป็นทางออกที่ได้ผล
สีทากันเชื้อรามีกี่แบบ?
1. สีอะคริลิกกันเชื้อรา (Acrylic Anti-Fungus Paint)
ผลิตจากอะคริลิก 100% เกรดพรีเมียม
ผสมสารต้านเชื้อราโดยเฉพาะ
เหมาะสำหรับฝ้าเพดาน ผนังภายในที่มีความชื้นสูง
สีทาฝ้ากันเชื้อราสูตรนี้ยังช่วยป้องกันตะไคร่และแบคทีเรียได้ดี
2. สีคลอรีนทาห้องน้ำ (Chlorinated Rubber Paint)
ทนต่อน้ำและไอน้ำอย่างดีเยี่ยม
นิยมใช้กับห้องน้ำ สระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำ
ทำความสะอาดง่าย ต่ออายุการใช้งานผนังและพื้น
สีทากระเบื้องห้องน้ำบางสูตรก็ดัดแปลงจากสีคลอรีนนี้
3. สีน้ำมันผสมสารต้านเชื้อรา (Anti-Mold Oil Paint)
ให้ความเงางามและกันความชื้น
ป้องกันเชื้อราได้ดีมาก เหมาะกับพื้นที่เฉพาะจุด
ข้อควรระวังคือกลิ่นฉุนแรงและแห้งช้า
วิธีเลือกสีกันเชื้อราให้ได้ผล
อ่านฉลากให้ชัดเจน: เลือกสีที่มีระบุชัดเจนว่า "สีกันเชื้อรา" หรือ "Anti-Fungus/Anti-Mold"
เหมาะกับพื้นผิว: สีทาผนังกันเชื้อรา สีทาห้องน้ำกันรา หรือสีกันความชื้น ต้องเลือกให้ถูกวัตถุประสงค์ เช่น สีทาบ้านกันเชื้อราใช้กับผนังห้องปกติ แต่สีคลอรีนทาห้องน้ำเหมาะสำหรับผนังที่สัมผัสน้ำบ่อย
พื้นผิวต้องแห้งสะอาด: ก่อนทาควรกำจัดราด้วยน้ำยาหรือขัดออกให้หมด และปล่อยให้แห้งสุด ๆ
ทารองพื้นกันรา: เสริมทัพด้วยสีรองพื้นที่มีสารกันเชื้อราก่อนจะทาสีจริง เพิ่มความทนทาน
เลือกเกรดสีพรีเมียม: สีราคาถูกอาจกันราได้ไม่นาน ต้องทาซ้ำบ่อย
ขั้นตอนเตรียมพื้นผิวก่อนทาสีกันเชื้อรา
ขูดเชื้อราและสีเก่าที่หลุดล่อนออกให้หมด
ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อราทิ้งไว้ให้แห้ง
ซ่อมแซมรอยแตกร้าวให้เรียบร้อย
ทาสีรองพื้นที่มีสารกันรา (ถ้ามี)
ทาสีทาผนังกันเชื้อราหรือสีทาห้องน้ำกันรารอบแรก ปล่อยแห้ง จากนั้นทาซ้ำอีก 1-2 เที่ยว
จุดสำคัญที่ควรเลือกใช้สีกันเชื้อรา
ห้องน้ำ ผนังรอบอ่างล้างหน้า โซนอาบน้ำ
ผนังที่โดนฝนสาด ขอบหน้าต่าง ระเบียง
ห้องใต้ดินหรือส่วนที่อับชื้น บริเวณใกล้รางน้ำ
ฝ้าเพดาน
สรุปข้อดีของการใช้สีกันเชื้อรากับบ้าน
ป้องกันเชื้อราในระยะยาว ดูแลสุขภาพครอบครัว
พื้นผิวผนังดูใหม่และสะอาดตลอดเวลา
ประหยัดค่าซ่อมและทาสีซ้ำในระยะยาว
เพิ่มมูลค่าบ้านและอสังหาริมทรัพย์
คำแนะนำสำหรับเจ้าของบ้าน คอนโด และหอพัก
เมื่อพบปัญหาราขึ้น ไม่ควรทาทับทันที ต้องขจัดเชื้อราเดิมให้หมดก่อนเสมอ
เลือกสีสูตรเฉพาะสำหรับแต่ละห้อง เช่น สีทาห้องน้ำ, ผนัง, หรือฝ้ากันเชื้อรา
ตรวจสอบคุณสมบัติบนฉลาก และเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสีกันเชื้อรา
Q: สีกันเชื้อราควรทาบริเวณไหนบ้าง?
A: ส่วนที่โดนชื้นบ่อย เช่น ห้องน้ำ ริมหน้าต่าง ระเบียง หรือฝ้าเพดาน
Q: ทำไมต้องทารองพื้นกันรา?
A: เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะและป้องกันเชื้อราได้นานขึ้น
Q: สีกันเชื้อราควรทาซ้ำบ่อยแค่ไหน?
A: ประมาณ 3-5 ปี หรือตรวจดูเมื่อพบคราบราหรือความหมองจาง
สรุป: สีอะไรใช้แล้วกันเชื้อราได้จริง?
เลือกสีที่ระบุว่าเป็น "สีกันเชื้อรา" มีสาร Anti-Fungus/Anti-Mold
สีอะคริลิกกันเชื้อรา, สีคลอรีน, สีน้ำมันผสมสารต้านรา เห็นผลจริง
เตรียมพื้นผิวให้สะอาดและแห้งสนิทก่อนทาเสมอ
ทารองพื้นกันราเพิ่ม (ถ้ามี) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
หากอยากหมดปัญหาเชื้อราบ้านซ้ำซาก เริ่มต้นด้วยสีกันเชื้อราที่เหมาะกับบ้านคุณตั้งแต่วันนี้!