สีทาเรือเดินทะเล ต้องทนอะไรบ้าง?
สีทาเรือเดินทะเล หรือที่เรียกว่า Marine Paint เป็นวัสดุเคลือบผิวสำคัญที่เจ้าของเรือ, ผู้รับเหมาซ่อมเรือ และวิศวกรเรือทุกคนต้องให้ความสำคัญ หากเลือกใช้ไม่เหมาะสม อาจทำให้เรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร และยังเพิ่มต้นทุนในการซ่อมแซมระยะยาวอีกด้วย ดังนั้นสีทาเรือต้องมีคุณสมบัติที่หลากหลาย ทนทานต่อสภาพแวดล้อมสุดโหดกลางทะเล
1. ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำทะเล
น้ำทะเลเต็มไปด้วยเกลือ (โซเดียมคลอไรด์) และมีค่า pH ที่ต่างจากน้ำจืด กลไกนี้เร่งให้เกิดการกัดสนิมและสึกหรอของโลหะเร็วขึ้นมากกว่าสภาพแวดล้อมอื่นๆ
สีทาเรือเดินทะเลจึงต้องมีชั้นรองพื้นพิเศษ เช่น สีอีพ็อกซี่ หรือ สีโคลทาร์ เพื่อป้องกันการซึมผ่านของไอเกลือและน้ำ
ชั้นทับหน้าต้องแน่นและยึดเกาะผิวได้ดี ป้องกันการหลุดร่อน เพื่อยืดอายุการใช้งานสูงสุด
2. ทนต่อแสงแดด UV และสภาพอากาศรุนแรง
เรือเดินทะเลต้องเผชิญทั้งแดดจ้า ลมแรง ฝนและคลื่นที่กัดกร่อนสีอย่างต่อเนื่อง
สีคุณภาพสูงจำเป็นต้องมีคุณสมบัติ กันรังสี UV ไม่ซีดจางง่าย และทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
ลดปัญหาการแตกลายงา ลอกหรือหลุดร่อนเมื่อใช้ระยะยาว
3. ทนแรงขูดขีดและแรงกระแทก
ส่วนต่างๆ ของเรือ (โดยเฉพาะใต้ท้องเรือ) อาจได้รับแรงกระแทกหรือขูดขีดจากการลากขึ้นลงอู่, สัมผัสกับวัตถุแข็ง หรือคลื่นแรง
สีที่เหมาะสมต้องยึดเกาะผิวดีมากและมีความยืดหยุ่น ป้องกันเนื้อสีหลุด สึกหรือร้าว
4. ปกป้องการเกาะของเพรียงและสิ่งมีชีวิตในทะเล
เพรียง ตะไคร่น้ำ สาหร่ายใต้ท้องเรือ เป็นศัตรูตัวฉกาจ เกาะตัวได้แน่นและทำให้เรือช้าลงมาก สิ้นเปลืองพลังงานและน้ำมัน
การเลือก สีกันเพรียง (Antifouling Paint) ด้วยสารออกฤทธิ์พิเศษ จึงเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับท้องเรือ
5. ทนสารเคมีและน้ำมัน
เรือเดินทะเลหลายประเภทต้องทนต่อน้ำมัน สารเคมี ทั้งในห้องเครื่องยนต์หรือถังน้ำมัน
สี Marine Grade คุณภาพสูงถูกออกแบบให้ทนการกัดกร่อนโดยเฉพาะ ปกป้องโครงสร้างเรือในทุกสถานการณ์
ประเภทสีทาเรือที่ควรรู้
ประเภท คุณสมบัติเด่น ตัวอย่างสีที่ใช้
สีรองพื้นกันสนิม เพิ่มการยึดเกาะและป้องกันสนิม Epoxy, Coal Tar
สีทับหน้าทน UV ทนแดด ไม่ซีดจาง Polyurethane, Acrylic
สีกันเพรียง ปกป้องท้องเรือจากเพรียง/สาหร่าย Antifouling Paint
สีทนเคมี-ทนความร้อน สำหรับห้องเครื่องหรือถังน้ำมัน Alkyd, Epoxy Spec.
ขั้นตอนการเลือกใช้และทาสีเรือเดินทะเล
1. ประเมินพื้นผิวเรือ
วัสดุโครงสร้างคือ เหล็ก, ไม้ หรือไฟเบอร์กลาส
ระบุชนิดสีและชั้นเคลือบที่เหมาะสม (เช่น Epoxy หรือ Polyurethane)
2. เตรียมผิวงานอย่างถูกต้อง
ขจัดสนิม, คราบเกลือ, ความชื้น และสิ่งสกปรกออกให้หมดก่อนทาสี
อาจใช้การขัดกระดาษทรายหรือ sandblasting สำหรับงานหนัก
3. ขั้นตอนการทาสี
ทา สีรองพื้นกันสนิม ให้ครบถ้วน
รอแห้งแล้วทาทับหน้าด้วย สีทน UV หรือ สีกันเพรียง ตามตำแหน่งใช้งาน
ทดสอบมุมเล็กๆ ก่อนทาเต็มพื้นที่ เพื่อป้องกันปัญหาสีไม่เกาะหรือเกิดฟองอากาศ
4. ตรวจสอบความหนาของชั้นสี
ให้เป็นไปตามคำแนะนำของผู้ผลิต (มักจะระบุเป็นไมครอน)
ควรเลือกสีจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ เช่น Jotun, TOA, Chugoku
เทคนิคประหยัดงบประมาณ
เลือกสี Marine Grade ที่ได้รับการรับรอง แม้ราคาสูงกว่าบางสินค้าแต่คุ้มค่าในระยะยาว
สำหรับเรือขนาดเล็ก อาจเลือกสีทาเรือราคาถูกในจุดที่ไม่สัมผัสน้ำทะเลโดยตรง
ตรวจสอบอุปกรณ์-เครื่องมือในการทา เช่น แปรง ลูกกลิ้ง หรือกาพ่นสี ให้เหมาะกับประเภทสี
สรุป
สีทาเรือเดินทะเลไม่ใช่เพียง 'สีสวย' แต่คือตัวช่วยหลักในการยืดอายุ, ประหยัดค่าใช้จ่าย และเสริมความปลอดภัย เลือกสีให้เหมาะกับการใช้งานและทาตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เป็นหัวใจในการดูแลเรือของคุณให้อยู่คู่ท้องทะเลไปอีกนาน