วิธีประเมินปริมาณสีที่ต้องใช้ในงานแต่ละประเภทอย่างแม่นยำ

สำคัญอย่างไรในการประเมินปริมาณสีให้แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง จัดซื้อโครงการ หรือช่างสี การคำนวณปริมาณสีที่ต้องใช้ในแต่ละงานคือจุดเริ่มต้นของการควบคุมต้นทุนและลดของเหลือ หากประเมินผิดพลาด อาจทำให้เกิดทั้งงบประมาณเกินเปลือง หรือของเหลือที่ยากจะนำกลับมาใช้ใหม่ เราจึงรวบรวมเทคนิคและวิธีคำนวณปริมาณสีแต่ละประเภท เพื่อช่วยวางแผนการซื้อและใช้งานสีได้ตรงตามความต้องการ

หลักการคำนวณปริมาณสีที่ใช้งานจริง

1. วัดขนาดพื้นที่งาน (Surface area)

เพื่อคำนวณปริมาณสี ต้องทราบพื้นที่ที่จะทาสีเสียก่อน ตามลักษณะงานแต่ละประเภท เช่น

• ผนัง: วัดความกว้าง x ความสูง ของแต่ละด้าน (ตารางเมตร)
• ฝ้าเพดาน: วัดความกว้าง x ความยาว (ตารางเมตร)
• พื้น: (ถ้าทาสีพื้น) วัดตามสเปกพื้นที่จริง

ตัวอย่าง: ผนังกว้าง 4 ม. สูง 2.5 ม. = 10 ตร.ม. คำนวณทุกด้านที่ต้องทาแล้วรวมกัน

2. หักพื้นที่ที่ไม่ต้องทาสีออก

เช่น ประตู หน้าต่าง หรือช่องระบายอากาศ คำนวณขนาดพื้นที่เหล่านี้ออกแล้วหักจากพื้นที่รวม

• ประตูกว้าง 0.8 ม. สูง 2 ม. = 1.6 ตร.ม.

สูตร:

พื้นที่ที่ต้องทาสี = พื้นที่รวม - พื้นที่ไม่ต้องทา

3. ตรวจสอบค่า Coverage Rate ของสี

แต่ละประเภทสีจะระบุปริมาณครอบคลุม (Coverage Rate) บนฉลาก

• สีทาผนังภายใน/ภายนอก: 1 แกลลอน (3-3.785 ลิตร) ปกคลุม = 30-40 ตร.ม. ต่อ 1 เที่ยว (ชั้น)
• กรณีต้องทาสี 2 เที่ยว ให้คูณ coverage ด้วย 2
• สีชนิดอื่น ๆ (เช่น สีเหล็ก สีไม้) coverage อาจต่างจากนี้ ให้ดูรายละเอียดที่บรรจุภัณฑ์

ตัวอย่าง: พื้นที่คำนวณได้ 80 ตร.ม. ทาสีรองพื้น 1 เที่ยว และสีจริง 2 เที่ยว (รวม 3 เที่ยว)

4. สูตรคำนวณง่าย ๆ

\text{จำนวนลิตรสีที่ต้องใช้} = \frac{\text{พื้นที่ (ตร.ม.)} \times \text{จำนวนเที่ยว}}{\text{Coverage Rate (ตร.ม./ลิตร)}}

กรณีซื้อเป็นแกลลอน

• หารจำนวนลิตรที่ได้ด้วยขนาดบรรจุภัณฑ์ (1 แกลลอน = ~3.785 ลิตร)

5. Factor ที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม

• พื้นผิวหยาบจะกินสีมากกว่าปกติ (บวกเพิ่มประมาณ 10-15%)
• พื้นที่มีการดูดซึมสูง เช่น ปูนใหม่ ให้บวกอีก 10-20%
• สีบางรุ่นมีคุณสมบัติปกคลุมมากขึ้น ปรึกษาผู้ขายเพื่อความแม่นยำ

เทคนิควางแผนการซื้อสีให้ประหยัดและได้มาตรฐาน

เลือกประเภทสีให้เหมาะกับงาน

• สีภายนอก/ใน: เลือกตามสภาพพื้นที่ ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
• สีรองพื้น: จำเป็นสำหรับผนังใหม่ ช่วยลดการกินสีชั้นบน
• สีสำหรับวัสดุเฉพาะ: สีไม้, เหล็ก, หลังคา เลือกใช้สูตรเฉพาะจะประหยัดกว่า

ประเมินงบและลดสีเหลือ

• คำนวณอย่างแม่นยำก่อนสั่งซื้อ
• เหลือใช้น้อยลง ประหยัดพื้นที่เก็บและค่าใช้จ่าย
• ลดปัญหาของเก่าเสื่อมสภาพ เสียหาย

วิเคราะห์ตัวอย่างก่อนสั่งของจริง

• ทดสอบทาสีตัวอย่างก่อนใช้จริง จะได้ประเมินการกินสีและผลลัพธ์สีได้แม่นยำ

ตัวอย่างการคำนวณสำหรับงานทั่วไป

งานทาผนังบ้าน (พื้นผิวเรียบ):

• พื้นที่รวม: 150 ตร.ม. (รวมทุกด้าน)
• พื้นที่ประตู/หน้าต่าง: 18 ตร.ม.
• พื้นที่ที่ต้องทาสี: 150 - 18 = 132 ตร.ม.
• ต้องการทา 2 เที่ยว (Coverage rate 1 แกลลอน = 35 ตร.ม./เที่ยว)
• ปริมาณสีที่ต้องใช้: (132 x 2) / 35 ≈ 7.54 แกลลอน
• เผื่อพื้นผิวหยาบ: 7.54 x 1.1 = 8.29 แกลลอน (ปัดขึ้นเป็น 9 แกลลอน)

ข้อควรระวัง: หากมีผนังเนื้อหยาบหรือผิวปูนใหม่ รวมทั้งการเลือกสูตรสีพิเศษ ควรสอบถามผู้เชี่ยวชาญเพื่อความแม่นยำ

สรุปและข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับช่างและจัดซื้อ

• ตรวจสอบประเภทพื้นผิวและสูตรสีที่เหมาะสมเสมอ
• วางแผนสั่งซื้อเผื่อเล็กน้อยเพื่อป้องกันขาดสต๊อก
• บันทึกข้อมูล coverage rate สำหรับ Reference ในงานถัดไป
• หมั่นทบทวนเทคนิคจัดการสต๊อกสี ลดของค้างและของเหลือเสมอ

การคำนวณอย่างรอบคอบและรู้จักรอบรู้เทคนิคพื้นฐาน จะช่วยให้คุณลดต้นทุน-เพิ่มกำไร พร้อมเดินหน้าสู่ความเป็นมืออาชีพในงานสีทุกประเภท"